หลักสี่ประการในการสร้างพลังเอาชนะชีวิต
วันนี้มีนักเรียนเก่ามาเยี่ยม นักเรียนคนนี้เป็นคนที่เก่ง ตอนเรียนโทกับผม จบปริญญาโทไปด้วยเกรดที่สูงมาก และมี Journal paper ไปหนึ่งฉบับ ตอนนี้เขาได้ทุนเรียนต่างประเทศจากสถาบันที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง นั่งกินกาแฟที่สตาร์บัคถามไถ่ทุกข์สุขกันสักพัก เขาก็ปรับทุกข์ว่า ไปได้สัก 6-7 เดือนตอนนี้ท้อถอยมาก การทำวิจัยมันยากมากมาก ตามเพื่อนร่วมชั้นไม่ทัน รู้สึกท้อ บางครั้งอยากเลิกเรียนไปเลย ไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับงานวิจัยและการเรียนปริญญาเอกหรือไม่
ผมเลย คุยกับเขาไปว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติที่สุด ทุกคนก็เป็นหมด เพราะการเรียนปริญญาเอก คือ การปรับตัวครั้งใหญ่ทางความคิด อาจารย์จะให้เราทำงานหนัก คิดอย่างหนัก สร้างสรรค์ ในตอนเริ่มต้น มันจะหนักหน่วงน่าท้อมาก การไปต่างประเทศห่างจากพ่อแม่และญาติๆ ก็ยาก มันเหงาเหนื่อยหน่าย สิ่งที่ต้องทำ คือ เอาชนะความท้อถอยนี้ให้ได้แล้วมุ่งมั่นไปต่อ เพราะนี่คือ ส่วนหนึ่งของการเรียนปริญญาเอก เขาจะโยนปัญหาให้เรา ยากมากมาก เปรียบเสมือนเราเข้าไปใน ถ้ำแห่งความตาย โดยมีไฟฉายอยู่กระบอกเดียวอยู่ในมือและมีหูฟังวิทยุที่คุยกับ Advisor ได้ พอห่างจากปากถ้ำมันก็มืด หมดหวังเรื่อยๆ advisor ก็ไม่ค่อยบอกอะไร แค่ให้เดินหน้าไปเรื่อยๆ จะมารับเราไปนั้นอย่าหวัง เดินไปเดินไป มันมืดๆๆๆๆ คิดไม่ออก ไฟฉายก็อ่อนลงเรื่อยๆ ขาก็หมดแรง เหนื่อยใจกาย ไม่รู้มีทางออกปลายทางหรือไม่ ตอนนี้แหละ คนที่เรียนจบต้องเข้มแข็งพอที่จะก้าวไปเรื่อยๆ ตาม advisor ไม่คิดย้อนกลับไปหาแสงสว่างและความสบายข้างหลัง โดยขอให้เชื่อว่า เมื่อเราทำอย่างเต็มที่ ทางออกอันสว่างไสวย่อมอยู่ข้างหน้า สุดท้าย พอทุกคนศึกษาและวิจัยไปเรื่อยอย่างไม่ย่อท้อ ทางข้างหน้าก็จะสว่างขึ้นเรื่อยๆ และ ออกจาก ถ้ำแห่งความตายได้เอง สิ่งที่ได้จากการเรียนปริญญาเอกจบ คือ การรู้จักตัวเอง และเอาชนะตัวเอง
ผมบอกนักเรียนว่าตอนนี้น่ะมันยากมาก เพราะเรากำลังสู้กับใจตัวเอง ถ้าสำเร็จชนะได้ ต่อไป เราทำการงานใหญ่ๆ ยากๆ ก็จะทำได้ เพราะไม่ว่ามันจะมีอุปสรรคเพียงไร ยากเย็นแค่ไหน เราจะมีพลังแห่งศรัทธาที่จะก้าวเดิน เรียนไปลองไป แก้ปัญหาไปจนเอาชนะได้ทุกครั้ง และ ความรู้ในการพัฒนาตนเองเพื่อให้เข้าถึงจิตวิญญาณของปัญหาและมุ่งมั่นจนแก้ได้นี่แหละ คือ สาระของการเรียนปริญญาเอก ไม่ใช่เทคโนโลยี ต่างๆ ที่เราต้องไปเรียนไปทำงาน อย่างไรก็ตามมีสิ่งที่ต้องทำอีกสองสามอย่าง
สิ่งแรก ต้องมีหลักการที่ยึดเหนี่ยว ว่าเราจะมาลำบากทำไม ทำไมไม่เลิกเสียแล้วกลับไปทำอย่างอื่น ดังนั้นหลักยึดสำคัญมาก ผมบอกว่าแรกสุด ให้นึกถึงพ่อแม่และคนที่รักเรา และรอคอยความสำเร็จของเรา ความหวังของคนเหล่านี้ คือ หลักยึดอันแข็งแกร่งให้เรามุ่งไปข้างหน้า เพื่อคนเหล่านั้น นอกจากนั้น สังคมและประเทศชาติ ที่รรอคอยให้เรากลับมาพัฒนาอีกเล่า ให้เอามายึดไว้เป้นหลักการว่าเรามาทำไม
สิ่งที่สอง คือ ต้องมีศรัทธาในตัวเอง ต้องเชื่อมั่นตรงนี้ มีศรัทธาตรงนี้ อย่าให้ความสงสัยเข้ามาแผ้วพานได้ ทำไปเรื่อยๆ ถึงแม้ตอนนี้อาจจะท้อ บางคนอาจจะดูเก่งกว่ามาก เราไม่ต้องเก่งที่สุดหรอกที่จะทำสำเร็จ แต่มุ่งเรียนให้จบ เอาความรู้กลับมา ไม่ต้องเทียบตัวเองกับคนอื่นจนเกินไป เขาเก่งเลิศเลอเขาก็จบ เราสู้ไม่ได้ ก้จบเหมือนกันเพราะเราเก่งพอ ไม่ต้องเก่งที่สุดเสมอไป แต่ทำงานหนักที่สุด ทำประโยชน์ที่สุดก็ได้
สิ่งที่สาม อย่าคาดหวังกับตัวเองมากเกินไป ทุกสิ่งมีเวลาของมัน ให้นั่งสมาธิ หางานอดิเรกทำ ออกกำลังกาย ทำร่างกายให้แข็งแรง จิตใจให้ผ่องใส แล้วจะช่วยให้เรามีพลังสู้กับปัญหา มุ่งทำมากมาก อย่ามุ่งสำเร็จจนเกินไป อยู่กับปัจจุบัน ทำให้ดีที่สุดแล้วผลดีก็จะมาของมันเอง อย่าเครียดเกินไป
สิ่งที่สี่ อย่าคิดถอยหลัง คนที่ชนะปัญหาได้ ให้คิดว่าต้องเอาให้ได้ ต้องชนะให้ได้อย่างแรงกล้า ตั้งจุดหมายในใจและยอมทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย บอกนักเรียนว่า อย่าคิดเลิกเรียนเด็ดขาด แล้วตรงนี้เองก็จะเป็นพลังให้ในการเรียนคราวนี้ หรือ การเอาชนะอุปสรรคแห่งชีวิตต่อๆไปในอนาคต
สุดท้ายนักเรียนก็ควักขนมมาฝากห่อหนึ่ง แล้วก็จากกันไป ถือว่าการสอนคราวนี้ได้รางวัลเป็นขนมหนึ่งห่อจากต่างประเทศ ถือว่าคุ้มค่ามากมากเลยครับ ก็เอาใจช่วยนะขอให้ทำทุกสิ่งสำเร็จสมดังความหวังที่ตั้งใจไว้ครับ