รู้วิธีใช้ปราชญ์ คือ ราชันย์
อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง เขาเขียนไว้ว่า “รู้วิธีทำงานให้สำเร็จ คือ ยอดขุนพล รู้วิธีใช้ปราชญ์ คือ ราชันย์” อันนี้ทำให้นึกถึงว่าตอนเราหนุ่มๆ เราจะมีงานของเรา หรือ คุมทีมขนาดเล็ก การทำงานให้จบ ทำให้สำเร็จ ไม่ใช่แค่ทำให้เสร็จ โดยใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด นั่น คือ สุดยอดแล้ว แต่พอแก่ตัวเข้าพบว่าการทำสิ่งใหญ่ๆ ให้สำเร็จนั้น ต้องใช้ผู้มีความสามารถจำนวนมาก ที่มุ่งมั่น รักสามัคคี มาร่วมกันทำ จึงจะสำเร็จ ความสามารถนำคนเก่งมารวมกัน สื่อสารวิสัยทัศน์แบ่งปันกัน และขับเคลื่อนร่วมกันไป จึงมีความสำคัญในการทำงานใหญ่ๆ สมัย หลังจาก จิ๋นซีฮ่องเต้ ตายไป แผ่นดินก็แตกแยก สุดท้าย เกิด อ๋องสองคนชิงแผ่นดินกัน คือ ฮั่นอ๋อง หลิวปัง กับ เซี่ยงหวี ฉู่อ๋อง แรกเริ่ม เซี่ยงหวี มีกำลังมาก ได้เปรียบทุกอย่าง แต่ หลิวปังได้ยอดคนสามคน มารับใช้ คือ จางเหลียง สุดยอดยุทธศาสตร์ เซียวเหอ สุดยอดนักปกครอง และ หานสิ่น สุดยอดขุนพล หลิวปังจึงชนะได้ครองแผ่นดิน ตั้งราชวงศ์ฮั่นสืบทอดมานับร้อยปี ถามว่าการทำงานกับคนเก่งและเป็นผู้นำนั้น ทำอย่างไร จากประสบการณ์บ้าง ที่อ่านๆ จำๆเขามาบ้าง ว่าไว้ว่า
หนึ่ง ให้เป็นคนขี้เกียจ หน้าที่ของผู้นำ คือ สร้าง วิสัยทัศน์และระบบ โครงสร้างที่ทำให้เกิดการทำงานและหาคนเก่งมาทำ ถ้า พยายามไปทำเอง จะทำได้ไม่กี่งานก็จบ อันนี้เป็นหลุมอันหนึ่งของคนที่ทำ operation เก่งมากๆ มา เพราะ พอมาบริหารก็จะรักการทำงานเอง มาก จนงานไม่เดิน ต้องคิดไป กระจายไป หาคนทำ แล้วไปแก้ปัญหา ให้คนที่เราทำงานด้วย ให้เขาทำงานราบรื่นไม่ต้องรับความกดดัน ฟ้าถล่ม ก็เอามือค้ำไว้อย่าให้เขาเดือดร้อนใจ เพื่อนฝรั่งที่เก่งมากท่านหนึ่ง สอนผมว่า “No matter what happen, you have to solve it. Always tell your team that everythings is alright no matter how hard the situation is.” ประมาณนี้ จำมาใช้ดีมาก
สอง ให้เป็นคนโง่ ใครฉลาดมากมักจะคิดว่าตัวเองทำได้ทุกอย่างละน่ะ เรียนเองก็ได้ ไม่หาคนเก่งเรื่องนั้นมาช่วยทำงาน ผลก็ คือ งานทำไปแล้วไม่ได้ผลและเสียเวลามากกว่าให้คนเก่งๆ เขามาทำ แน่นอนว่าในเบื้องแรก ถ้าไม่มีคน ก็ต้องทำให้ได้ทุกอย่าง อย่าเกี่ยง แต่ต้องพยายามหาคนมาจนได้ แล้วพยายามโง่ๆ ให้ลูกทีมคิดมากมาก เขาจะภูมิใจ เราก็อย่าไปแย่งเขาคิด คนเก่งๆ เขาอยากแสดงออก ต้องนับถือเขา ถ้าเป็นได้ก็ทำตามเขาไป เขาจะได้สนุก ถ้าเราโง่ เรา ก็จะเห็นข้อดีและศักยภาพของทุกคนรอบตัว ถ้าเราฉลาด คนอื่งก็จะดูโง่หมด เห็นแต่ศักยภาพตัวเรา นานเข้าคนอื่นก็หายไปเอง มีทีมที่ทุกคนเก่งกว่าเรา นั่น คือ ความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง
สาม ให้เป็นคนไม่สำคัญ การเป็นคนไม่สำคัญนี่สำคัญ เพราะ คนเก่งจะอยากได้รับความชื่นชม ถ้าหัวหน้าอยากสำคัญ ลูกน้องก็ไม่ได้รับการชื่นชม หัวหน้าเอาไปหมด สักพัก คนเก่งจะไม่อยากทำงานด้วย เพราะหัวหน้าเก่งคนเดียว คนมองไม่เห็นความสำคัญของเขาและทำให้เขาไม่ก้าวหน้า ถ้าหัวหน้าไม่ค่อยออกหน้า แต่ส่งเสริมลูกน้อง ให้แสดงฝีมือ คนเก่งๆ ก็จะอยากทำงานด้วย ต้องส่งเสริมคนดีคนเก่งให้มากมาก เราออกมาชื่นชมข้างเวทีก็พอ
สี่ ให้เป็นคนดื้อด้าน คือ อุปสรรคอย่างไร ก็อย่ายอมแพ้ บอกทุกคนให้ดื้อไว้ อึดไว้ ท่องไว้ว่า “ต้องได้ ต้องทำให้ได้” ล่าถอยได้แต่ไม่แพ้ ล้มได้ ก็ลุกขึ้นได้ ยังไงก็ต้องสำเร็จ แต่ถ้ามันพังไป ก็ถอนใจสักสองเฮือก แล้ว ไปทำอย่างอื่นต่อ เพราะ เรื่องบางอย่าง มันขึ้นกับปัจจัยภายนอก ยังไง ก็ไม่สำเร็จอยู่ดี ก็อย่าหมดกำลังใจ อย่าแพ้ หาเรื่องอื่นทำ คิดไว้เยอะๆ ว่ามีอะไรน่าทำ เก็บไว้มากมาก คุณพ่อผมท่านสอนว่า ถ้าทำอะไรล้มเหลวก็อย่าสนใจมาก เพราะมีอีกประมาณร้อยเรื่องที่อยากทำ แล้วยังไม่ได้ทำ ให้ไปทำเสีย
ห้า ให้เป็นคนมีความสุข ไม่ว่าจะเกิดอะไร ต้องใจเย็นๆ หัวเราะเข้าไว้ ปัญหามากยังไง ก็นิ่งๆ ยิ้มๆ ไว้ เพราะ เรา คือ หัวใจของทีม เราหวั่นไหว ลูกทีมจะหวาดผวา ต้องหมั่นให้กำลังใจทุกคน ชี้ทางแต่อย่าสอน หัดให้คิดมากกว่าหัดให้ทำ รักทุกคนให้มากๆ ก็จะใส่ใจ เห็นทุกข์เขาก็อยากช่วย ทีมก็จะเข้มแข็ง ตัวเราเป็นไง ทีมก็เป็นอย่างนั้น
ตอนนี้ก็หาอยู่ ถ้าใครเจอคนที่ ทั้งขี้เกียจ โง่ ไม่สำคัญ ดื้อด้าน แต่มีความสุขอย่างนี้ ก็บอกทีนะครับ ผมจะได้ไปของานเขาทำ